ธุรกิจ SME กับ Startup ต่างกันอย่างไร พร้อมข้อสังเกตความแตกต่างเบื้องต้น

ธุรกิจ SME กับ Startup ต่างกันอย่างไร พร้อมข้อสังเกตความแตกต่างเบื้องต้น

หลายคนที่เป็น Gen X ถึง Gen Y ซึ่งเคยผ่านประสบการณ์ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ปี 2540 หรือ วิกฤติต้มย้ำกุ้ง ย่อมจะต้องคุ้นหูกับคำว่า ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium-Size Enterprise) หรือ SME อย่างแน่นอน เพราะบรรดานักธุรกิจใหญ่หลายคนที่ประสบปัญหาจากวิกฤติดังกล่าวต่างผันตัวมาเริ่มก่อตั้งธุรกิจ SME กันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง โดยเฉพาะช่วงปี 2543 เป็นต้นมา ธุรกิจ SME บูมถึงขนาดต้องมีการออกกฎหมายมาควบคุมโดยเฉพาะ แต่สำหรับเด็กรุ่นใหม่ที่เป็น Gen Z แล้ว คำว่า Startup ย่อมจะคุ้นหูมากกว่าแน่นอน โดยเฉพาะคนที่เติบโตมากับโลกโซเชียลมีเดียที่ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มักจะเป็นธุรกิจ Startup ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ซึ่งนั่นก็เกิดเป็นคำถามกึ่ง ๆ วิชาการในโลกธุรกิจว่า SME กับ Startup ต่างกันอย่างไร

จะว่าไปแล้ว SME กับ Startup ก็มีส่วนคล้ายกันหลายส่วนจนหลายคนคิดว่ามันคือธุรกิจเดียวกัน เพียงแต่เป็นคำที่คนต่างเจนเนอเรชันใช้เรียกธุรกิจขนาดเล็กก็เท่านั้น แต่แท้จริงแล้วธุรกิจสองกลุ่มนี้มีความแตกต่างกันอยู่ไม่น้อย เริ่มจาก SME คือธุรกิจที่มีเจ้าของเป็นผู้ลงทุนเองและรับความเสี่ยงด้วยตัวเอง ลักษณะการทำธุรกิจเป็นแบบอาศัยการกล้าริเริ่มแล้วค่อย ๆ พัฒนาธุรกิจไปทีละขั้น นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของ SME ก็มักจะเป็นสินค้าหรือบริการที่มีอยู่ก่อนแล้ว ไม่ได้เป็นนวัตกรรมใหม่ที่เปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คนแต่อย่างใด ทำให้อัตราการเติบโตของธุรกิจมักจะอยู่ที่ประมาณ 30% ต่อปี ซึ่งถือว่าค่อนข้างช้า

ส่วน Startup จะมีลักษณะเป็นธุรกิจเฉพาะที่เน้นการขายไอเดียสดใหม่ สร้างสรรค์ สินค้า บริการ หรือนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อสนับสนุนธุรกิจอื่นอีกต่อหนึ่ง รูปแบบของการลงทุนก็มีทั้งลักษณะผู้ริเริ่มธุรกิจเป็นผู้ลงทุนด้วยตัวเองและนักลงทุนอิสระที่คาดว่าธุรกิจนี้มีโอกาสประสบความสำเร็จแล้วมาลงทุน ทำให้ใครที่มีไอเดียใหม่ ๆ ตอบสนองความต้องการของตลาดได้มากกว่าก็มักจะได้รับทุนหรือการสนับสนุนจากผู้ลงทุน ซึ่งธุรกิจ Startup คาดหวังการเติบโตแบบก้าวกระโดดชนิดที่เรียกว่า 1,000% ต่อปีเลยทีเดียว ตัวอย่างเช่น Startup สัญชาติไทยอย่าง Ookbee ที่ก่อตั้งในปี 2554 ทำธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการ E-Book ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็วเพียงแค่ระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี ธุรกิจก็มีมูลค่าหลายพันล้านบาทแล้ว

เรียกได้ว่าข้อสังเกตเหล่านี้คือความแตกต่างที่เห็นได้ในเบื้องต้นของธุรกิจ SME กับ Startup ส่วนใครจะเลือกทำธุรกิจประเภทไหนก็ขึ้นอยู่กับความถนัดและวิสัยทัศน์ทางธุรกิจของตัวเอง เพราะทั้ง SME และ Startup ต่างก็มีจุดแข็งของตัวเองที่ไม่เหมือนกัน หากใครสามารถใช้จุดแข็งเหล่านี้มาส่งเสริมสินค้าหรือบริการของธุรกิจตัวเองได้อย่างเหมาะสมและตอบโจทย์การตลาดยุคใหม่แล้ว การประสบความสำเร็จก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม