E-Commerce

Social commerce แตกต่างจาก E-Commerce อย่างไร ?

โอกาสโตของธุรกิจยุคนี้อยู่ที่การขายสินค้าหรือบริการผ่านอินเทอร์เน็ต ที่เรารู้จักกันในชื่อ E-Commerce ซึ่งใช้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเป็นช่องทางเสนอขายสินค้าหรือบริการเพื่อเจาะเข้าถึงลูกค้าทั่วทุกมุมโลก ขณะเดียวกันยังมีช่องทางการขายสินค้าผ่านโซเชียลมีเดียที่เรียกว่า Social Commerce เป็นกระแสใหม่มาแรงเพราะสื่อสารกับลูกค้าง่ายกว่า ตอบโจทย์ความต้องการได้ดีและจูงใจให้ลูกค้าควักกระเป๋าจ่ายง่ายขึ้น

Social commerce คือการขายของทางโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram , Pinterest หรือสื่ออื่น ๆ ถือเป็นช่องทางขายที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยจับกลุ่มเป้าหมายอยุระหว่าง 18-35 ปี ซึ่งใช้งานโซเชียลมีเดียเป็นประจำและซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์บ่อย ๆ หลังจากเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ผู้บริโภคช่วงอายุมากกว่านี้เริ่มลองใช้โซเชียลมีเดียและซื้อของทางออนไลน์ทำให้บทบาทของ Social Commerce เริ่มชัดเจนมากขึ้น

ข้อดีของการซื้อขายผ่านโซเชียลมีเดีย

  • รูปแบบของโซเชียลมีเดียมีการโต้ตอบระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ สามารถสนทนาใช้ทักษะการเจรจาโน้มน้าวใจและถามตอบข้อสงสัยอย่างรวดเร็วในทันที
  • ลูกค้าสอบถามเพิ่มเติมและเจาะลึกถึงรายละเอียดได้มากขึ้น ผู้ขายควรพัฒนาวิธีการขายเน้นการพูดคุยโต้ตอบกับลูกค้า เมื่อลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีและพอใจกับบริการส่งผลให้ตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น
  • ลูกค้าศึกษาข้อมูลแบบเจาะลึกจากคอนเมนต์และรีวิวของผู้ใช้งานคนอื่น ๆ ช่วยให้ผู้ขายโฟกัสลูกค้าเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ พร้อมกับนำความเห็นของลูกค้าที่วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาเพื่อปรับปรุงสินค้าให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
  • ขั้นตอนการซื้อรวดเร็วง่ายดาย ไม่ปล่อยเวลาให้ลูกค้าเปลี่ยนใจยกเลิกคำสั่งซื้อไปง่าย ๆ

ข้อดีของการซื้อขายแบบ E-Commerce

สำหรับ E-Commerce เป็นช่องทางการขายออนไลน์ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นบนมือถือ ที่ได้รับความนิยมเพราะมีความน่าเชื่อถือไว้และมีการรับประกัน ทำให้ไว้วางใจได้มากกว่าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ร้านค้าที่ไม่มีเว็บไซต์ของตัวเองสามารถเปิดร้านขายสินค้าออนไลน์ในแพลตฟอร์มดัง เช่น Shopee, Lazada, Amazon เป็นต้น เป็นวิธีที่ง่ายและประหยัดกว่าการเปิดเว็บไซต์ของตัวเอง ไม่ต้องยุ่งยากบริหารจัดการเว็บไซต์เองด้วย แต่ในแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่จะมีคู่แข่งมาก การแข่งขันสูง อาจบีบให้ต้องปรับลดราคาเพื่อการแข่งขัน จะต้องบริหารการขายดี ๆ ไม่เช่นนั้นจะทำกำไรได้น้อยกว่าที่ควร

ในส่วนของการซื้อของทางเว็บไซต์นั้นมีขั้นตอนซับซ้อนกว่า Social Commerce เริ่มต้นด้วยการกดซื้อหรือเลือกเข้าตะกร้าสินค้า ยืนยันการสั่งซื้อสินค้าในหน้าตระกร้าสินค้า ใส่หมายเลขบัตรสมาชิก ใส่รหัสส่วนลด เลือกที่อยู่ในการจัดส่ง เลือกวิธีการชำระเงินและใส่รหัสบัตรเครดิต เห็นได้ว่าวิธีการสั่งซื้อทาง Social Commerce สามารถลดขั้นตอนการซื้อให้รวดเร็วขึ้น เพราะขั้นตอนการซื้อทางโซเชียลมีเดียจะใช้การคลิกเพียงไม่กี่ครั้งหรือส่งข้อความสั่งซื้อโดยตรง และโอนเงินทางออนไลน์ได้ทันที

ธุรกิจทุกวันนี้พากันเปิดร้านค้าออนไลน์เพื่อรองรับลูกค้าที่หันมาสั่งซื้อของทางอินเทอร์เน็ตมากขึ้น จุดเด่นของ Social Commerce และ E-Commerce มีความแตกต่างกันและเหมาะสมกับผู้ขายและผู้ซื้อคนละแบบ แนะนำให้เลือกช่องทางที่ให้ความสะดวกและได้รับประโยชน์มากที่สุด