มีสติก่อนสตาร์ท

มีสติก่อนสตาร์ททุกครั้ง จำให้ขึ้นใจ

คำว่า “มีสติก่อนสตาร์ท” ไม่ได้มีไว้สำหรับผู้ที่ดื่มเหล้าเมาแล้วขับเพียงเท่านั้น ไม่ได้มีไว้สำหรับคนที่ชอบขับรถด้วยความประมาท แต่ยังสามารถนำประโยคนี้มาใช้กับนักธุรกิจหัวร้อนหลายๆคนได้ดีทีเดียว สมัยนี้ทุกคนย่อมอยากเติบโตแบบก้าวกระโดด ไม่อยากเติบโตแบบเต่าขึ้นทีละขั้นบันได คงเพราะว่ากลัวว่าจะไม่สามารถกอบโกยได้มากพอที่ตัวเองต้องการได้ จึงพยายามเสาะหาช่องทางการลงทุนรูปแบบใหม่ๆเข้ามาหาตัวตลอด โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยงที่จะตามมาด้วย หรืออาจจะคำหนึ่งแต่ก็ยังหลับหูหลับตามุ่งหน้าทำตามที่ใจต้องการต่อไป

ใครที่เป็นดังกลุ่มนักธุรกิจข้างต้น มักจะสุดท้ายพอรู้ตัวอีกที เงินหมดกระเป๋าแล้ว ธุรกิจเจ๋งต้องปิดตัวลง จากที่เคยมีธุรกิจเป็นของตัวเองในระดับหนึ่ง พอหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ กลับต้องกลายเป็นหนี้สินเพราะกู้แบงค์ออกมาขยายกิจการด้วย นี่คือสิ่งที่เรามักจะพบกับกลุ่มนักธุรกิจหน้าใหม่หัวร้อนไฟแรงแต่ขาดประสบการณ์ ขาดความผิดพลาด กว่าจะรู้ตัว คนเหล่านี้ก็สายไปเสียแล้ว

ผลประกอบกิจการ

ไม่ต้องเจ็บตัวเยอะ ถ้าสติยังดีอยู่

จริงอยู่ประสบการณ์สามารถสอนให้คนแข็งแกร่งขึ้นได้ แต่บางครั้งสิ่งที่เราต้องเสียไปกับความรู้ความแข็งแกร่งที่ได้เพิ่มมา มันช่างดูไม่คุ้มค่าเสียเลย บางคนต้องกลายเป็นบุคคลล้มละลายเพียงเพื่อได้เรียนรู้ว่าอย่าทำอะไรเกินตัว บางคนต้องเสียคนในครอบครัวไปเพียงเพราะต้องการขยายกิจการหรือเสาะหารูปแบบทำเงินที่ฉาบฉวย สุดท้ายไปไม่รอด เครียดหนัก มาสุมตกมาที่คนในครอบครัว จนคนในครอบครัวเกิดความเครียดหนักและฆ่าตัวตาย

ต่อให้เราจะเป็นนักธุรกิจหน้าใหม่หรือมีประสบการณ์อยู่แล้ว สิ่งหนึ่งสำหรับนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจะคอยสอนหน้าใหม่อยู่เสมอ นั่นก็คือมีสติก่อนสตาร์ททุกครั้ง ก่อนคิดจะลงทุน ก่อนคิดจะขยายงาน ก่อนจะเริ่มดำเนินกิจการอะไรก็ตาม จะต้องรู้ให้จริง เข้าให้ถึง หรือหากไม่ได้รู้จริงแต่อยากทำก็ต้องดูกำลังของตัวเอง และเอาในระดับที่เราสามารถรับความเสี่ยงได้โดยไม่ได้เดือดร้อนคนเกินไป นี่คือแนวคิดของนักทำธุรกิจที่ดีและคุณจะประสบความสำเร็จได้ในเร็ววันได้ถ้ามีสติ